หลายคนที่ประสบปัญหาหลุมสิวมักมองหาวิธีการรักษาต่างๆ เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทำเลเซอร์ หรือการรักษาอื่นๆ ที่มีในท้องตลาด แต่สิ่งที่หลายคนอาจไม่ทราบคือ นิสัยบางอย่างในชีวิตประจำวันสามารถส่งผลต่อการฟื้นตัวของผิวและการหายของหลุมสิวได้เช่นกัน หากคุณกำลังพยายามปรับปรุงสภาพผิวหน้าเพื่อให้ดูเรียบเนียนขึ้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างอาจช่วยให้คุณเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
7 พฤติกรรมที่ทำให้เกิดสิวและหลุมสิว
1. ไม่รักษาความสะอาดของใบหน้าอย่างเหมาะสม
ผิวหน้าที่ไม่สะอาดเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลุมสิวหายช้า เพราะสิ่งสกปรก, น้ำมัน, และแบคทีเรียที่สะสมอยู่บนผิวหน้าสามารถทำให้เกิดการอักเสบและสิวใหม่ได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของผิวหน้า
วิธีปรับเปลี่ยนนิสัย
- ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นและใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะกับสภาพผิว
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้ระคายเคือง
- ใช้ผ้าขนหนูที่สะอาดในการเช็ดหน้าและไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเดียวกันหลายครั้ง
2. การสัมผัสใบหน้าบ่อยครั้ง
การสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ เป็นนิสัยที่หลายคนทำโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการสัมผัสหน้ามือเปล่าหรือมือที่ไม่สะอาดสามารถนำแบคทีเรียและสิ่งสกปรกไปยังผิวหน้าได้ ทำให้การอักเสบและสิวเกิดขึ้นได้ง่ายขึ้น
วิธีปรับเปลี่ยนนิสัย
- พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
- ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสใบหน้า
- ใช้ผ้าสะอาดหรือสำลีในการเช็ดหน้าแทนการใช้มือ
3. ไม่ใช้ครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอ
แสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) ที่สามารถทำร้ายผิวและทำให้หลุมสิวเห็นชัดขึ้น การไม่ใช้ครีมกันแดดทำให้ผิวเสียหายและยับยั้งการฟื้นตัวของผิวหน้าได้
วิธีปรับเปลี่ยนนิสัย
- ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปทุกวัน แม้จะอยู่ในร่มหรือในวันที่มีเมฆมาก
- ทาครีมกันแดดทุก ๆ 2 ชั่วโมงเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- เลือกครีมกันแดดที่มีคุณสมบัติป้องกันได้ทั้งรังสี UVA และ UVB
4. การไม่ดูแลเรื่องอาหารการกิน
อาหารที่เรารับประทานมีผลต่อสภาพผิวโดยตรง การกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง ไขมันทรานส์ และอาหารแปรรูปมากเกินไป สามารถทำให้ผิวเกิดการอักเสบและสิวได้ง่ายขึ้น ทำให้หลุมสิวหายช้ากว่าที่ควร
วิธีปรับเปลี่ยนนิสัย
- เพิ่มการบริโภคผักและผลไม้สดที่มีวิตามินและแร่ธาตุสูง
- ดื่มน้ำเปล่าอย่างเพียงพอ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว
- ลดการบริโภคน้ำตาลและไขมันทรานส์ในอาหาร
5. ไม่ได้นอนหลับเพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของผิวหน้า เนื่องจากช่วงเวลาที่เรานอนหลับเป็นช่วงเวลาที่ผิวได้รับการซ่อมแซมและฟื้นฟู การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอทำให้ผิวดูหมองคล้ำและหลุมสิวหายช้าลง
วิธีปรับเปลี่ยนนิสัย
- พยายามเข้านอนและตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกวัน
- สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและสบายในการนอนหลับ
- หลีกเลี่ยงการใช้หน้าจออิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอนอย่างน้อย 30 นาที
6. การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสม
ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ไม่เหมาะสมหรือมีส่วนผสมที่รุนแรงอาจทำให้ผิวระคายเคืองและหลุมสิวหายช้าลงได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อสภาพผิวที่เฉพาะเจาะจงสามารถทำให้ปัญหาผิวแย่ลง
วิธีปรับเปลี่ยนนิสัย
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะกับสภาพผิวของคุณ เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม
- ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมธรรมชาติและอ่อนโยนต่อผิว
- ทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริเวณเล็ก ๆ ของผิวก่อนใช้ทั่วหน้า
7. ความเครียดและความวิตกกังวล
ความเครียดและความวิตกกังวลสามารถส่งผลต่อการฟื้นตัวของผิว ทำให้หลุมสิวหายช้าลง ความเครียดทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนที่กระตุ้นการอักเสบและการผลิตน้ำมันบนผิว ทำให้สิวและปัญหาผิวอื่น ๆ แย่ลง
วิธีปรับเปลี่ยนนิสัย
- ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือการหายใจลึก
- ใช้เวลาในการทำกิจกรรมที่ชอบและช่วยลดความเครียด
- พยายามมองโลกในแง่บวกและหาวิธีจัดการกับปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
การรักษาหลุมสิวให้หายได้เร็วไม่เพียงแค่พึ่งพาวิธีการทางการแพทย์ เช่น เลเซอร์หลุมสิว หรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเท่านั้น แต่การปรับเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้นและมีสุขภาพดีขึ้น การลดพฤติกรรมที่ทำให้ผิวเกิดการอักเสบและปัญหาผิวอื่น ๆ ช่วยให้ผิวของคุณมีโอกาสฟื้นตัวได้เต็มที่และดูเรียบเนียนมากขึ้น
หากต้องการให้หลุมสิวหายเร็ว ควรเริ่มต้นจากการดูแลสุขภาพผิวของคุณให้ดีโดยปรับเปลี่ยนนิสัยเหล่านี้ให้เหมาะสม และอย่าลืมให้ความสำคัญกับการดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี เพื่อให้ผิวของคุณดูดีและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้นในทุกวัน