ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก และมักได้รับการยอมรับว่าเป็น “สกุลเงินสำรองของโลก” (Global Reserve Currency) อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์มีความผันผวนตลอดเวลา โดยอาจแข็งค่าหรืออ่อนค่าตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการเงิน ปัจจัยที่มีผลต่อค่าเงินดอลลาร์มีหลายอย่าง ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง และนโยบายการเงิน
1. อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed)
หนึ่งในปัจจัยหลักที่ส่งผลโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์คือ อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve – Fed)
- อัตราดอกเบี้ยสูง หาก Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นักลงทุนจะสนใจถือเงินดอลลาร์มากขึ้น เพราะให้ผลตอบแทนสูง ส่งผลให้เงินดอลลาร์แข็งค่า
- อัตราดอกเบี้ยต่ำ หาก Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ค่าเงินดอลลาร์มักอ่อนค่าลง เนื่องจากผลตอบแทนจากการถือเงินดอลลาร์ลดลง
ในช่วงที่ Fed ใช้นโยบาย “คุมเงินเฟ้อ” มักมีการปรับขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น
2. ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนเข้ามาถือครองดอลลาร์ หากเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัว GDP เติบโต, อัตราว่างงานต่ำ และเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ค่าเงินดอลลาร์มักแข็งค่า ในทางกลับกัน หากเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว ค่าเงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อการไหลเวียนของเงินทุนและทิศทางของตลาดการเงินโลก
3. อุปสงค์และอุปทานของเงินดอลลาร์ในตลาดโลก
- การซื้อขายน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) – น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์หลายรายการซื้อขายเป็นสกุลเงินดอลลาร์ ส่งผลให้มีอุปสงค์สูง
- ประเทศที่ต้องการถือครองเงินดอลลาร์สำรอง – หลายประเทศสะสมเงินดอลลาร์เป็นทุนสำรองเพื่อเสริมความมั่นคงทางการเงิน
- เงินทุนไหลเข้าสู่สหรัฐฯ – หากมีนักลงทุนต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ หรือในตลาดหุ้นสหรัฐ ค่าเงินดอลลาร์มักจะแข็งค่า
4. ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองโลก
ในช่วงที่เกิด วิกฤตเศรษฐกิจโลก หรือความไม่แน่นอนทางการเมือง นักลงทุนมักมองหา สินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) ซึ่งเงินดอลลาร์เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยม หากมีสงคราม การเมืองไม่มั่นคง หรือวิกฤติการเงิน เงินทุนมักไหลเข้าสู่สหรัฐฯ ทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า
5. ความแตกต่างด้านนโยบายการเงินของประเทศอื่น
ค่าเงินดอลลาร์ไม่ได้แข็งค่าหรืออ่อนค่าตามปัจจัยของสหรัฐฯ เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับนโยบายการเงินของประเทศอื่นๆ เช่น
- ยุโรปและญี่ปุ่นมีนโยบายดอกเบี้ยต่ำ ทำให้เงินทุนไหลออกจากยูโรและเยน มาสู่ดอลลาร์
- ความต่างของอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Differential) หาก Fed ขึ้นดอกเบี้ย ในขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ยังคงดอกเบี้ยต่ำ จะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโรและเยน
6. การเก็งกำไรในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน (Forex)
นักลงทุนและเทรดเดอร์ในตลาด Forex มักซื้อขายดอลลาร์เพื่อทำกำไรจากความผันผวนของค่าเงิน
- การเก็งกำไรระยะสั้นอาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าหรืออ่อนค่าภายในเวลาอันรวดเร็ว
สรุป: ปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า
- อัตราดอกเบี้ยของ Fed – หากดอกเบี้ยสูง นักลงทุนจะถือดอลลาร์มากขึ้น
- เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง – GDP เติบโต อัตราว่างงานต่ำ
- อุปสงค์ของเงินดอลลาร์ในตลาดโลก – ใช้ซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์และเป็นเงินสำรองระหว่างประเทศ
- สถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองโลก – หากมีความไม่แน่นอน นักลงทุนมักถือเงินดอลลาร์เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
- ความแตกต่างของนโยบายการเงินกับประเทศอื่น – หากประเทศอื่นดอกเบี้ยต่ำ แต่ Fed ดอกเบี้ยสูง ค่าเงินดอลลาร์จะแข็งค่า
- การเก็งกำไรในตลาด Forex – นักเทรดมีผลต่อความผันผวนของค่าเงิน
ในระยะยาว ค่าเงินดอลลาร์อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยทางเศรษฐกิจ แต่โดยรวมยังเป็นสกุลเงินหลักที่มีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลก